ประวัติ

ความเป็นมาของจังหวัดอุดรธานี จังหวัดอุดรธานีเดิมชื่อบ้านเดื่อหมากแข้ง มีสภาพภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นที่ราบกว้างใหญ่ ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ.2436  เนื่องจากกรณี  ร.ศ. 112 ไทยกับฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ร.ศ.112  ไทยยอมสละกรรมสิทธิในดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง รวมทั้งเกาะทั้งหลายในแม่น้ำโขงและตามความในสัญญาข้อ 3 ในสัญญาอาณาเขตริมฝั่งแม่น้ำโขง บรรดาป้อมค่ายคูจะต้องรื้อถอนให้สิ้น ภายในหนึ่งเดือน ห้ามมิให้ประเทศสยามตั้งกองทหาร  ในรัศมี  25 กิโลเมตร จากฝั่งแม่น้ำโขงไทยจะส่งคนที่มิใช่คนท้องถิ่น (Local Man) เข้ามาอยู่ในบริเวณนี้ มิได้ให้บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขงเป็นย่านการค้าเสรี จะเก็บภาษีขาเข้าใดๆ ไม่ได้ แม้กระทั่งจะตกปลา ถ้าฝ่าฝืนก็ถูกเอาตัวเข้าไปขังคุกที่เวียงจันทน์ด้วยเหตุผลดังกล่าว ในปี พ.ศ. 2436 พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคมจึงย้ายกองบัญชาการมณฑลลาวพวน ซึ่งเดิมตั้งอยู่เมืองหนองคายริมฝั่งแม่น้ำโขงมาตั้งอยู่ริมหนองนาเกลือตั้งอยู่บ้านเดื่อหมากแข้ง (มะเขือพวง) ขนาดใหญ่กว่าปกติธรรมดาอยู่ต้นหนึ่ง ซึ่งอยู่ในบริเวณวัดมัชฌิมาวาสปัจจุบัน จึงให้ชื่อหมู่บ้านนี้ว่า “บ้านหมากแข้ง” ส่วนหนองนาเกลือในสมัยต่อมาเรียกว่า “หนองประจักษ์” และเรียกค่ายทหารว่า “ค่ายหมากแข้ง” จากหนังสือประวัติวัดมัชฌิมาวาส กล่าวไว้ว่า การย้ายกองบัญชาการมณฑลลาวพวน มายังบ้านเดื่อหมากแข้งนั้น     ผู้เฒ่า ผู้แก่เล่าไว้ว่าต้องใช้เกวียนประมาณ 200 เล่ม เป็นพาหนะได้ออกเดินทางรอนแรมมาโดยลำดับถึงน้ำสวย […]

สถานที่สำคัญ

คำชะโนด เมื่อ เดินไปถึงสถานที่นี้ จะเจอกับ “บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์” หรือ “บ่อ คำ-ชะ-โนด” ที่ตั้งอยู่กลางเกาะ มีลักษณะเป็นน้ำใต้ดินพุ่งไหลอยู่ตลอดเวลา และไม่เคยลดแห่งลงเลย ระดับน้ำอยู่แค่ไหน ก็จะอยู่ระดับนั้นไม่เปลี่ยน (มีความเชื่อกันว่าเป็นประตูเชื่อมไปสู่เมืองบาดาล ที่อยู่อาศัยของพญาศรีสุทโธนาค) ทั้งยังเป็นจุดที่คนนิยมเข้ามาสรงน้ำรูปปั้นพญานาค และประชาชนส่วนใหญ่ยังน้ำใส่ขวด เพื่อเก็บกลับไปสักการะ เพราะเชื่อว่า เป็นสิริมงคลแก่ชีวิต แต่ สิ่งที่เราไม่เคยรู้ว่าเป็นอย่างไรเกี่ยวกับ ที่แห่งนี้ จึงเป็นเรื่องที่เราๆท่านๆต้องพิสูจน์ด้วยตัวเอง ปัจจุบัน มนต์ลังของที่นี่ ยังคงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีมนต์ขลัง ด้วยเรื่องเล่าตำนานพญานาค ซึ่งตามตำนานเชื่อกันว่า พญาศรีสุทโธนาค ผู้ขุดแม่น้ำโขงใช้ป่าคำชะโนด เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่าง เมืองบาดาล แล ะโลกมนุษย์ ซึ่งบริเวณดังกล่าวคือ สะพานปูนรูปปั้นพญานาค 2 ตัว 7 เศียร และถ้าสังเกตให้ดี ๆ ตรงกึ่งกลางสะพาน จะเจอกับรอยแยก ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นรอยต่อระหว่างโลกมนุษย์กับบาดาลนั่นเองซึ่งถ้าหากท่านมาดูด้วยตนเองจะรู้สึกและสัมผัสด้วยตัวเอง หลายๆเรื่องที่เกี่ยวกับสถานที่นี้ บางเรื่องสุดจะหาคำตอบได้ ที่ๆบริเวณนี้ ก็เคยเกิดน้ำท่วม โดยเคยเกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2516, พ.ศ. 2538, พ.ศ. […]

เช็คอิน

จุดเช็คอิน ตอนเช้าเราจะไปขึ้นดอยดูพระอาทิตย์ขึ้น ทะเลหมอกกัน ด้วยการนั่งรถอีแต๊กขึ้นเขาไป บอกเลยว่าตื่นเต้นแต่เช้าเลยที่ ‘ภูห้วยอีสัน’ เรานัดรถอีแต๊กมารับตอน 5.30 น. สามารถติดต่อจากทางที่พักได้เลย เหมาไปกัน 300 บาท ราคานี้รวมทั้งไปและกลับ ระหว่างรอพระอาทิตย์ขึ้นจะมีร้านค้าชาวบ้านขายข้าวจี่ โอวัลติน ช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกายสักหน่อย กินเสร็จเราเดินลัดป่ากล้วยขึ้นไปนิดเดียว ก็ถึงจุดชมวิวลับ มันจะมีสะพานไม้ยื่นออกไปแล้วเราถ่ายรูป วิวคือจะมีภูเขาซ้อน ๆ กัน แม่น้ำโขง ทะเลหมอก แล้วก็พระอาทิตย์ส้ม ๆ สวยมาก ถ่ายรูปเสร็จเราให้พี่คนขับรถอีแต๊กพาไปถ่ายรูป ตรงจุดชิงช้าอีกหนึ่งจุดถ่ายรูปบอกเลยปังมาก   ใครว่าอยากไปทุ่งดอกไม้ต้องไปแค่ภาคเหนือ มาอีสานก็มีรูปกลางทุ่งดอกไม้ได้ ใครมาอุดรเราอยากแนะนำให้มาที่ “สวนสิทธิกร” ใครจะไปคิดว่ามาอีสานก็มีรูปปังลงได้ สวนดอกไม้ที่ซ่อนตัวอยู่ในอุดร บอกเลยว่าถ้าได้มาก็คือคุ้มสุดอะไรสุด เพราะที่นี้เข้ามาแปลงดอกไม้ให้ตั้ง 2 ฝั่ง แต่ละฝั่งก็คนละสีกัน ฝั่งแรกจะออกขาว ๆ อีกฝั่งจะเป็นสีออกละมุน ๆ พาสเทล ๆ  สวนนี้เค้ามีดอกไม้ให้เลือกสองฝั่ง สองมูท ฝั่งแรกเป็นฝั่งดอกคัดเตอร์สีขาว ด้วยความสีขาว ฝั่งนี้เลยใส่ชุดสีอะไรก็เข้าหมด ส่วนอีกฝั่งเป็นฝั่งของดอกเบญจมาศ มันจะมีความสีนิดหน่อย เหลือง […]